แก้วนาเกลือ เกลือนาแก้ว

ภาพ วีรวุฒิ กังวานนวกุล

เรื่อง ภัทรพร อภิชิต

5 ตุลาคม 2020

เกตุแก้ว สำเภาทอง หรือที่คนคุ้นเคยในชื่อ แก้ว มีคำห้อยท้ายเป็นฉายาว่า “ไอ้เด็กนาเกลือ” เมื่อก่อนเคยถูกคนอื่นเรียกแบบนี้ด้วยความดูแคลน แต่วันนี้เธอใช้คำนี้เรียกตัวเองด้วยความภูมิใจ
แก้วเป็นลูกหลานชาวนาเกลือ เธอรับรู้เรื่องราวเรื่องเล่าของคุณตาซึ่งเป็นคนรุ่นบุกเบิกหักร้างถางพงพื้นที่ใกล้ชายทะเลจนกลายเป็นผืนนาเกลือกว้างไกลสุดสายตา ทั้งชีวิตตา จนถึงพ่อแม่ และตลอดจนชีวิตของแก้วดำรงอยู่มาได้ด้วยเกลือ เป็นคนเกลือทั้งด้วยเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ

แก้วเป็นหนึ่งในชาวนาเกลือเพียงไม่กี่รายของสมุทรสงครามที่ยังเป็นเจ้าของที่นา

ของตนเอง ชาวนาส่วนใหญ่ทยอยขายที่ตั้งแต่เมื่อมีถนนพระรามสองตัดผ่าน ราคาพุ่งพรวดๆ นั้นมันยวนใจ อาชีพทำนาเกลือมีเงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ว่าต้องอาศัยที่ดินขนาดตั้งแต่ 30-40 ไร่ขึ้นไปถึงจะทำได้ ดังนั้น ที่ดินที่ครอบครัวชาวนาเกลือแต่ละคนถือครองถ้าตีเป็นเม็ดเงินในยุคสมัยนี้ มันก็คือหลักสิบล้าน ร้อยล้านเข้าไปนั่น ถ้าให้เลือกระหว่างการมีเงินขนาดนั้นอยู่ในบัญชี กับการมีที่สำหรับตรากตรำทำนาเกลือด้วยตนเอง คนส่วนใหญ่จะเลือกอะไรตอบไม่ยากเลย แต่คนเกลือบางคน เช่น แก้ว เธอเลือกอย่างหลัง

แก้วเป็นคนร่าเริง แจ่มใส พูดคุยเสียงดังกลั้วเสียงหัวเราะอยู่เสมอ เธอมีการศึกษาดี มีอนาคตและเส้นทางชีวิตราบรื่นรออยู่เหมือนคนทั่วไป จนกระทั่งวันหนึ่งแก้วเกิดคำถามกับชีวิตขึ้นมา เมื่อเห็นพ่อแม่โดนรังแก พ่อแม่เป็นทุกข์เหลือเกิน บรรทุกเกลือไปขายถึงโรงงานแต่ถูกตีกลับ เหยียบย่ำ และกดราคา ยิ่งทำเกลือ ทำไมยิ่งจน จนลงๆ จนถึงขั้นวันหนึ่งแก้วต้องถือโฉนดที่ดินออกไปเร่ขาย โชคดีที่การซื้อขายครั้งนั้นไม่สำเร็จ แก้วกลับมาทบทวนสาเหตุ จริงหรือที่ชาวนาเกลือจนเพราะขี้เกียจดักดานแบบที่คนใหญ่ๆ เขาตราหน้า ไม่ใช่ ชาวนาเกลือโงหัวไม่ขึ้นเพราะกฎกติกาที่คนมีอำนาจ คนเสียงดัง เขาร่างขึ้นมาเพื่อบี้วงการเกลือทะเลให้จมอยู่ใต้ปฐพีเป็นเบื้องล่างเบื้องหลังของความสำเร็จของคนอื่นตลอดไป โดยไม่มีใครหน้าไหน หน่วยงาน หรือกฎหมายใดปกป้องคุ้มครองดูแลเลยต่างหาก

เกลือทะเลเป็นของธรรมชาติ เป็นของที่อยู่คู่มากับกำเนิดอารยธรรมมนุษย์ เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต อุปโภค บริโภค และถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างเอนกอนันต์มหาศาลมาตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่เกลือทะเลเป็นของไม่มียี่ห้อ ไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพ คนทำนาเกลือซึ่งเทียบเป็นแค่หยิบมือของประชากรทั้งประเทศไม่เคยมีปากมีเสียง (ชาวนาเกลือเพิ่งถูกจัดเข้าเป็นอาชีพเกษตรกรเมื่อไม่ถึงสิบปีมานี้เอง) คนหยิบมือนี้เป็นชนกลุ่มน้อยที่ผลิตเกลือทะเลเลี้ยงคนทั้งประเทศ – – ประเทศที่มีกฎหมายกีดกันทางการค้าต่อเกลือทะเลด้วยข้อหาต่างๆ นานา ทั้งเรื่องความชื้นในเกลือ หรือปริมาณไอโอดีน ฯลฯ เกลือทะเลไทยจะไม่มีวันมีเสถียรภาพหรือแข่งขันกับใครได้ ไม่ถูกนับเป็นเกลือบริโภค ไม่นับเป็นเกลืออุตสาหกรรม ไม่อยู่ในหมวดใดๆ เป็นแค่เกลือเถื่อน ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านเกณฑ์ตามกฎหมาย ไม่มีราคา และไม่มีอำนาจต่อรอง
หลายปีมานี้นับแต่เปลี่ยนจากยอมแพ้มาลุกขึ้นสู้ ชีวิตของแก้วไม่เหมือนเดิมอีกเลย เธอเข้าออกหน่วยงานแล้วหน่วยงานเล่าเพื่อเดินหน้าหาข้อมูลข้อเท็จจริง เริ่มจากไม่รู้อะไร เริ่มจากไม่มีใคร เริ่มจากไม่กี่คน เริ่มจากไม่กี่ชุมชน สืบสาวไปถึงต้นตอของสาเหตุ จากไม่กี่คนกลายเป็นมวลชน คนเกลือกำลังทวงคืนความเป็นธรรม
จะใช้อำนาจ กฎหมาย หรือข้อมูลวิชาการที่มีธงนำ มาบังคับให้เกลือทะเลกลายเป็นอื่น บังคับให้ต้องเติมไอโอดีนสังเคราะห์ทั้งที่ตลอดทั้งกระบวนการทำนาเกลือไม่มีสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง บังคับให้ต้องขาว บังคับให้ต้องแพ้เกลือสินเธาว์ บังคับให้ต้องโดนเกลือนำเข้าเข้ามาแทนที่ ฯลฯ จะบังคับให้เกลือไม่รักษาความเค็มก็ตราบเท่าที่คนเกลือยังแบกรับไหว แต่หากวันไหนที่คนเกลือไม่ไหว ขายที่ดินทิ้ง กอดเงินหลักล้าน หันหลังให้ภูมิปัญญาวิชาเกลือ นาเกลือกลายเป็นที่ตั้งโรงงาน ประเทศไทยไม่สามารถผลิตเกลือทะเลได้ด้วยตนเอง เมื่อนั้นนั่นคือ หายนะ
แก้ว นาเกลือ กำลังทำทุกอย่างเพื่อให้วันนั้นไม่มาถึง เธอบอกว่าคนทำนาเกลือเป็นแค่คนรับหน้าที่ดูแลรักษาสมบัติของชาติไว้เท่านั้น แต่นาเกลือและเกลือทะเลเป็นของส่วนรวม เป็นทั้งความมั่งคั่งและมั่นคงที่สำคัญที่สุด ดุจเดียวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ถูกปกปิดบิดเบือนให้คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นความสำคัญด้วยมายาคติที่เหลือทนมาชั่วนาตาปี

แก้ว และเกลือของแก้ว คือคุณค่าความหมายที่เราไม่อาจละเลย หรือจะกล่าวให้ชัด เราอาจถึงขั้นต้องร้อนหนาวไปกับการดำรงคงอยู่และการต่อสู้ของคนเกลือกับผืนนาเกลือของพวกเขาเลยทีเดียว ยังมีความงามและความจริงหลากหลายมิติแฝงอยู่ในความเค็มนั้น เรื่องราวอันยาวนานกำลังจะถูกเล่าขานขึ้นอีกครั้ง

อ่านเอาเรื่อง

บันทึก blog

ฅนแม่กลอง

กินอย่างแม่กลอง

ทัศนาจร